วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สิ้นปี



ลับล่วงปีผ่านพ้น วันวาน
ทุกสิ่งย่อมขับขาน กล่าวไว้
ชีวิตหนึ่งเนิ่นนาน สุขทุกข์
กาลแห่งชีวิตไซร้ ผลัดขึ้นตามกาล

-------------------------------------------------


หน้อย เตวง ๓๑ ธ.ค. ๕๖


วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เทศกาลปีใหม่


ทุกปีช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่
  ผมไม่ค่อยจะได้เดินทางกลับบ้าน...เหตุผลหนึ่ง คือ คนเยอะมาก ยิ่งในช่วงเทศกาลไม่ว่าจะเทศกาลไหน ผู้คนต่างก็มุ่งที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนด้วยกันทั้งนั้น  เท่าที่จำความได้ว่าปีใหม่ผมไม่ได้กลับไปเกือบ ๓ ปี  เห็นจะได้ บางปีก็ฉลองปีใหม่กับพี่ที่หอพัก  จุดธูปขอพรปีใหม่กันข้างสระน้ำภายในหอ  พอปีเรียนอยู่ปี ๓ แม่ก็พาคณะญาติพี่น้องมาเที่ยวหาบ้าง ไปซื้อของที่อำเภอแม่สาย พอขึ้นปี ๔ ไม่กลับบ้านอีกแม่ก็พาคณะญาติพี่น้องมา ก็พาไปเที่ยวแม่สายซื้อของกันก่อนขึ้นปีใหม่  และก็ได้พาไปเที่ยวงานดอกไม้งามที่เชียงราย  ก็สนุกกันไปอีกแบบ....พอได้มาฝึกสอนที่อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา คุณแม่ก็ยังพาเด็ก ๆ มาเที่ยวหาอีกคราวนี้เอารถส่วนตัวมาเองเลย  ผมก็พาไปแม่สายอีกตามเคย  มาครั้งเสียไปเกือบเจ็ดพันกับรถที่วุ่นวาย แต่ก็ถือว่าฟาดเคราะห์คราวซวยไปก็แล้วกัน 
          เดินทางจากอำเภอภูซางไปอำเภอแม่สายใช้เวลาเกือบ ๓ ชั่วโมงกว่า  ผ่านหน้ามหาวิทยาลัย ก็อดคิดถึงเรื่องเดิม ๆ ไม่ได้  มันผ่านมาเร็วจริง ๆ ผมนั่งหน้ากับคุณแม่ก็พูดคุยกันไปจนถึงอำเภอแม่สาย  ผู้คนก็เยอะเหมือนเคย  สิ่งที่เริ่มเปลี่ยนไปนั้นคือ เริ่มมีตึกห้างร้านใหญ่โตมโหฬารมาก  คณะทัวร์ก็พากันไปจับจ่ายซื้อของกัน  ผมก็ช่วยแม่หาซื้อผ้าห่มและก็ของกิน ขนม พอเที่ยวจับจ่ายกันจนถึงสามโมงกว่า ก็รีบเดินทางกลับอำเภอภูซางทันที  เพราะในโปรแกรมจะต้องไปนอนกันที่ภูชี้ฟ้า  ก็ขับรถกลับมาด้วยความรีบเร่ง ระยะทางไป กลับนี้  ผมใช้เป็นประจำในระหว่างไปประชุมระหว่างฝึกที่มหาวิทยาลัย ตอนแรกก็เหนื่อยใจมากเพราะว่ามันไกลมาก  แต่เอาเข้าได้เดินทางบ่อย ๆ ก็ชินเส้นทาง.....
          พอเดินทางเข้าอำเภอเทิงก็มืดเสียแล้ว  ก็เลยเปลี่ยนแผนจะไม่ขึ้นภูชี้ฟ้าละ  จะไปซื้อของที่โลตัสแล้วมาทำอาหารการกินกันที่ภูซาง  ก็ได้ซื้อปลาหมึกและอาหารมาทำกิน  คนเยอะมากเพราะเป็นช่วงเทศกาลที่ผู้คนได้มีโอกาสกลับบ้านกัน  กลับมาก็ทำอาหารพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  ผมนอนไม่ค่อยหลับเท่าไร  เพราะพรุ่งนี้แม่กับน้องก็จะกลับแล้ว  ใจหนึ่งอยากจะกลับบ้านไปด้วย  แต่อีกใจก็อยากทำงานที่ค้างให้เสร็จ....จึงตัดสินใจไม่กลับบ้าน  แต่กลับเหงาอยู่คนเดียวที่บ้านพัก...... 


          พอรุ่งเช้าก็พากันไปเที่ยวไร่แสนคำรัก เป็นไร่ทานตะวันที่สวยงามมาก  คือว่าไปเช้าไปหน่อยบรรยากาศก็ดี มีหมอกหนา  ก็ถ่ายรูปกันไปจนสมใจกัน  จากกันก็ไปเที่ยวต่อที่น้ำตกภูซาง พอได้เวลาก็อำลาแม่และคณะ......เจอกันอีกทีตอนเก็บของกลับบ้าน...


วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

กลอนบางบท

ลองอ่านกลอนบางบท 
ตอนสมัยอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย...ส่งอาจารย์
-----------------------------------------
ฉันจะเป็น แม่พิมพ์ ของชาติไทย
ฉันจะไป บนดอย อันคอยฉัน
ฉันจะเพียร มุ่งมั่น ตั้งใจพลัน
เพื่อความฝัน ครูสอน บนดอยไกล
--------------------------------------------
ต่อแต่นี้ ต้องออก นอกรั้วไป
แต่ดวงใจ ยังคิด สนิทฉัน
ราชภัฏ เชียงราย ที่หมายมั่น
ในวันนั้น ยังอยู่ คู่ดวงใจ...
-------------------------------------------


ธีรโชติ หล่ายโท้ ๕๒๑๑๖๖๐๓๔


วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วิหกมองฟ้า



วิหกมองฟ้า
---------------------------------------------------
หันหลังมาเมียงมอง เสียงทำนองกู่ก้องฟ้า
แผ่นผืนนี้นภา ตัวผู้ข้าไม่ปราชัย

จะร้องรำทำเพลง จักบรรเลงไม่เกรงใคร
มองดูฟ้าวิไล ข้าชอบใจในนภา.....
---------------------------------------------------
หน้อย เตวง ๒๓ ธ.ค. ๕๖ สบบง,ภูซาง

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ตอนที่ ๒ เริ่มต้นที่อ้างว้าง


          จำได้ว่าตอนที่มาสมัครเรียนตอนนั้นได้ตกลงไว้กับเพื่อนคนหนึ่งชื่อว่าสังวร  ซึ่งบวชเรียนเหมือนกัน ว่าจะมาเช่าหอพักอยู่ด้วยกัน  จึงได้ทำการมัดจำหอพักเอาไว้ด้วยกัน  แต่เนื่องด้วยหลาย ๆ ปัญหาทำให้นายสังวรต้องไม่ได้มาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้   ทำให้ผมต้องอยู่เพียงลำพัง........  ผมย้ายมาก่อนมหาวิทยาลัยจะเปิดอยู่หนึ่งอาทิตย์เพื่อปรับสภาพเข้ากับสังคมใหม่    หนึ่งวันผ่านไปผมใช้ชีวิตต่าง ๆ อยู่แต่ในหอพัก  ไม่กล้าออกไปไหน  อาจจะเป็นเพราะว่าผมกลัวก็ว่าได้   และอีกอย่างที่ผมยังไม่ได้บอกให้กับผู้อ่านได้รู้นั้นคือ ผมขับรถจักรยานยนต์ยังไม่เป็น  เพราะผมบวชมาเกือบ ๖ ปี  จึงไม่ได้มีโอกาสฝึกหัดขับ   ผมจึงบอกให้แม่ซื้อรถจักรยานให้ผม ๑ คัน  ยี่ห้อ L.A สีดำ  ซื้อพร้อมกับแป้งกะเบลล์ (เพื่อนบ้านแม่หล่ายที่มาด้วยกัน  แต่เรียนคนละคณะกับผม ทั้งสองเรียนคณะวิทยาการจัดการ)
          ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่มาก  จะค่อย ๆ ออกหอพักปานประหนึ่งว่า กลัวหอพักจะถล่ม  ผมค่อย ๆ เดินลงไป  แล้วก็ปั่นจักรยานคู่ใจของผมไปร้านเซ่เว่นหน้ามหาลัย  คนก็ไม่ค่อยจะเยอะเท่าไรครับ  ผมก็จะเดินไปซื้อน้ำพริกปลาป่น ถุงละ ๑๕ บาท คิดในใจชีวิตช่างรันทดแท้ ๆ  หลังจากนั้นก็กลับไปหอพัก  หุงข้าวเตรียมกินอาหารเช้า  พอว่าง ๆ ก็ฟังวิทยุคลื่นนั้นบ้าง คลื่นนี้บ้าง......  และที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือจะโทรไปหาแม่ทุก ๆ ครั้งที่เกิดอาการเหงา
          บรรยากาศยามค่ำคืนที่หอพักแสงวรรณคอร์ท  ในช่วงนั้นเป็นบรรยากาศที่ดีทีเดียว  เพราะเป็นช่วงที่หน้าร้อนจะเข้าสู่หน้าฝน  ผมก็นอนมองหน้าต่างตรงหอไป ลมก็พัดมาเป็นระยะ  เสื้อกางเกงที่ห้อยอยู่บนบานประตูก็ไหวไปตามลม   บนตึกหอพักก็มีเสียงพูดคุยกัน หัวเราะเสียงดังกัน สำหรับผมแล้วผมยิ้มและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน.......
          ก่อนที่จะถึงวันปฐมนิเทศ “ก้าวแรกสู่ความเป็นครู” นั้นได้มีประกาศออกมาจากทางมหาวิทยาลัยฯ ให้นักศึกษาที่จะเรียนครูทุกวิชาเอก รหัส ๕๒ ไปสอบวัดแววความเป็นครูก่อน !!  หากว่าผ่านแล้วจึงจะสามารถเข้าเรียนในคณะครุศาสตร์ได้อย่างสมศักดิ์ศรีของสถาบันการผลิตครู    ผมถอนหายใจและก็คิดหนักเป็นอย่างมาก เราจะเรียนไหวไหม....ถ้าเรียนไม่จบละ จะทำอย่างไรต่อไป  ก็คิดไปเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายก็ได้เตรียมตัวเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยละครับ  ผมคิดไว้ว่าถ้าเกิดสอบวัดแววไม่ติดคณะครุศาสตร์  ก็จะย้ายไปเรียนคณะสังคมศาสตร์ เอกสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ทันที นี้แหละ.......ชีวิต......แต่ก็กลัว ๆ เหมือนกัน

          “บ้างครั้งชีวิตคนเราก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกกุหลาบเสมอไป.....”

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

กีฬากลุ่มฯ

วันเสาร์ที่ผ่านมา....  ผมได้รับมอบหมายให้ไปคุมนักเรียนที่เข้ากิจกรรมเดินขบวนของโรงเรียน  ซึ่งเป็นงานกีฬากลุ่มโรงเรียนมัธยมในพื้นที่จังหวัดพะเยา  งานนี้ผมตื่นตั่งแต่เช้าตรู่(ตี 5 )อาบน้ำ แปรงฟัน และก็แต่งตัวไปโรงเรียนทันที  บรรยากาศหลังฝนตกบวกกับความหนาวของฤดูกาลทำให้หนาวยิ่งขึ้นไปอีกครับ  พอไปถึงบริเวณโรงเรียนก็ยังมืดอยู่  มีนักเรียนต่างก็พากันมาแล้วเป็นบางส่วน  ผมและเพื่อน ๆ นักศึกษาก็ได้ช่วยกันแจกขนมและนมบนที่นั่งรถในแต่ละคัน   ผมได้รับมอบหมายให้ประจำอยู่กับรถบัสคันที่  2 กับชายก้ำ  และพอได้เวลาคนขึ้นรถครบแล้ว  ขบวนรถก็มุ่งหน้าไปอำเภอดอกคำใต้ทันที.......ในระยะเวลานั้นผมก็ได้อาศัยความมืดแอบหลับบนรถ  แต่ก็หลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะนักเรียน ม. 4 ต่างก็พูดกันเสียงดัง ก็ตามประสาความเป็นวัยรุ่นละครับจึงได้แต่ทำใจหลับลงไป.....  เกือบ 8 นาฬิกาเห็นจะได้รถบัสก็ได้ถึงจุดมุ่งหมาย  รถโรงเรียนละแต่ละแห่งก็ได้ร่วมตัวกันอยู่นะที่นั้น........

ผมและคณะครูก็ได้จัดขบวนของทางโรงเรียนอย่างวุ่นวาย  เพราะนักเรียนเยอะกว่าครู  และทางโรงเรียนของเราได้เดินขบวนเป็นลำดับที่ 19 จาก 21 โรงเรียน   ผมได้ดูขบวนของแต่ละโรงเรียน  ก็สวยงามมากครับ ดูนักเรียนแต่ละโรงที่รอเวลา....วิ่งเล่นกันบ้าง.....เดินชมร้านขายของกัน  เกือบสิบโมงขบวนโรงเรียนก็ได้เข้าสู่ท้องสนามกีฬา.....จากนั้นก็พานักเรียนเข้าสู่สแตนเชียร์และคณะครูก็ต่างพากันพักผ่อน.......พิธีเปิดก็ได้เปิดขึ้นอย่างอลังการ.......
นักเรียนทุกคนต่างได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย....จนสุดความสามารถ....ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยล้า....จะร้อน...แต่ผมก็คิดว่านักเรียนทุกคนที่ได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้  จะได้ประสบการณ์และได้เห็นเพื่อน ๆ ต่างสถาบัน ว่าเป็นอย่างไร....รวมทั้งการสร้างมิตรสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน


ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นเช่นไร....ก็ไม่สำคัญ  “รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย”นี้คือหัวใจของนักกีฬา...ทุกคน...

ส่วนผมและคณะครูอีกส่วนหนึ่งก็ได้อยู่จุดระวังภัยใต้ต้นขี้เหล็กริมรั้วกำแพง.....นั่งฟังพิธีกรพูดดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ไป  บรรยากาศค่อนข้างจะร้อน  แต่ก็มีลมพัดมาเป็นระยะ.... ....... ........จวบจนการแข่งขันกีฬาเสร็จสิ้นลง.....

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อนิจจา


  • อนิจจาโลกนี้                   บ่มั่น
  • ย่อมดับสูญสิ้นขันธ์            ยกแพ้
  • กายาจักคืนพลัน               ผืนแผ่น  ธรณี
  • คงชื่อเสียงเที่ยงแท้            ติดไว้โลกาฯ
     ----------------------------------------------------------------------------------------- 
        หน้อย เตวง  ๑๔ ธ.ค. ๕๖ ขอมอบให้เพื่อนผู้ร่วมกิจกรรมทางมหาวิทยาลัย ฯ ขอให้สู่สุคติ....


วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หนาวเนื้อ

หนาวหนาวมาแนบเนื้อ             เชยชม

    หอมกลิ่นเจ้าภิรมณ์                   หลับแย้ม

      ใจอกสั่นเพียงลม                     ไหวเคลื่อน

             หนาวเหน็บพิศพักต์แก้ม            แนบเนื้ออรชรฯ

--------------------------------------------
หน้อย เตวง ๑๒ ธ.ค. ๕๖ สบบง,ภูซาง


วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ครูฝึกสอน



ครูเป็นเพียงนักศึกษามาแค่นี้

ยังไม่มีปริญญาเข้ามาหา

ประสบการณ์ความรู้สอนวิชา

ด้วยศรัทธาอุดมการณ์มาจากใจ

พัฒนาการศึกษาประเทศชาติ

จะมุ่งมาดฝ่าฟันไม่หวั่นไหว

อุปสรรคจงผ่านพ้นอำนวยไป

ด้วยหัวใจของครูจะสู้ทน.........


ก้ำ ซันนะตุ , ธ.สุธานพงษ์

๑๖ พ.ค. ๕๖

เป็นกำลังใจให้นักศึกษาฝึกสอนทุก ๆ คนนะครับ  เหลือเวลาในการปฎิบัติวิชาชีพอีกไม่นานละครับ    

  สู้ ๆ  พวกเราจะก้าวไปด้วยกัน....

ตอนที่ ๑ จากบ้านสู่เด็กหอ

            ตอนที่ ๑ จากบ้านสู่เด็กหอ

             หลังจากที่ผมได้ลาสิกขาบทจากเพศสามเณรซึ่งเป็นเวลาเกือบ ๖ ปีที่ผมได้ใช้ชีวิตอยู่ในวัด  ก็ได้สมัครเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย   หลังจากที่ได้ลาสิกขาเมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๒  หลังจากนั้นก็อยู่บ้านเกือบ ๒ เดือนเห็นจะได้  รู้สึกตื่นเต้นกับการที่จะใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก  ยิ่งใกล้วันเปิดเรียน  ยิ่งนอนไม่หลับ พ่อกับแม่ได้ตระเตรียมข้าวของเครื่องใช้ไว้ให้จำนวนหนึ่ง  จากบ้านไปเกือบ ๖ ปี  จะลาไปเรียนมหาวิทยาลัยอีก ๕ ปี  รวมแล้ว ๑๑ ปี  ที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่อย่างเต็มที่.......แต่ถึงอย่างไรแล้ว  การศึกษาก็คือสิ่งที่จะสร้างฝันให้กับท่านได้ในสักวันหนึ่ง

            เย็นวันนั้นก่อนที่จะเดินทางไปจังหวัดเชียงราย  แม่ได้ตำน้ำพริกตาแดงและอาหารเอาไว้  เพื่อที่จะได้เป็นอาหารทานในมื้อเช้าและมื้อกลางวัน  ผมเก็บเสื้อผ้าและของที่จำเป็นใส่กล่องเอาไว้   คืนนั้นถือได้ว่าเป็นคืนหนึ่งที่ผมนอนไม่หลับ   คิด....คิด....และก็คิดอีกว่าจะอยู่ตัวคนเดียวได้อย่างไร  แล้วถ้าเรียนไม่จบเล่าจะทำอย่างไร ..... จนหลับเกือบจะตี ๑ แล้วก็ตื่นมาในเวลาตี ๔ อาบน้ำแต่งตัว  ครอบครัวออกจะวุ่นวายไปหน่อยเพราะต่างคนออกจะตื่นเต้นกันไปหน่อย   ข้าวของเครื่องใช้พร้อม คนก็พร้อมซึ่งประกอบไปด้วย พ่อ แม่ น้องสาว ป้าหนิ่ม ป้าติ่ง และลุงบุญ และก็ผม   รถคันนี้ก็ได้มุ่งหน้าไปทางอำเภอร้องกวาง  เข้าสู่อำเภอสอง และเข้าสู่เขตอำเภองาว จังหวัดลำปาง  มุ่งตรงเข้าสู่อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา บรรยากาศยามเช้าดูจะสดชื่นสดใสมาก....แต่ในหัวใจของผมมันเศร้ายังไงไม่รู้

          เกือบ ๘ นาฬิกาก็พักกินอาหารเช้าที่ศาลาทางหลวง พะเยา - แม่ใจ  ก็กินข้าวปลาอาหารกันอย่างอร่อยได้บรรยากาศมาก  หลังจากนั้นเกือบ ๙ นาฬิกากว่าก็ถึงจังหวัดเชียงราย  และปลายทางอยู่ที่หน้ามอ  ผมได้มากับเพื่อนเพื่อมัดจำหอพักแห่งหนึ่งเอาไว้แล้ว  หอพักนี้มีสามชั้น ลักษณะคล้าย ๆ ตัวยู  ผมอยู่ห้อง ๓๐๖ หลังจากที่ได้ขนข้าวของเครื่องใช้ขึ้นไปไว้แล้ว  ก็ได้พาคณะญาติพี่น้องไปเที่ยวอำเภอแม่สาย ด่านชายแดนไทย - พม่า  ต่างคนก็ได้จับจ่ายซื้อของกัน  และแม่ก็ได้ซื้อเสื้อให้ผมอีก ๑ ตัวเป็นเสื้อลายสีฟ้า ไม่รู้เป็นอะไรชอบใส่เสื้อสีลาย  เที่ยวกันพอประมาณก็เดินทางกลับเกือบจะบ่าย ๒ โมงแล้ว

        ช่วงที่กลับนี้...ผมแทบจะร้องไห้ออกมา....รถส่งผมที่หน้าปากซอยทางเข้าหอ แล้วผมก็รีบเดินไปขึ้นหอทันที  มองดูรถจากทางประตูหลังหอ.....น้ำตามันก็ไหลออกมาโดยไม่รู้สึกตัว  พ่อกับแม่กลับไปบ้านแล้ว ต่อไปนี้ก็คงต้องใช้ชีวิตเด็กหอ....เป็นนักศึกษา มหา'ลัย อย่างเต็มตัว !!!

        แสงอาทิตย์เริ่มจะลาลับขอบฟ้า.....ผมนั่งกินน้ำพริกตาแดงที่แม่ห่อเอาไว้ให้ในถุง   ดื่มน้ำหวานจากที่พ่อยื่นให้ก่อนกลับด้วยความคิดถึงพ่อกับแม่

        "ผม....อยากกลับบ้าน....."


วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

รัฐธรรมนูญ

"วันรัฐธรรมนูญ ตรงกับ วันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕

เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวร เพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย...."


       พอวันนี้ วันที่ ประชาชน
ต่างสับสน วุ่นวาย ไร้จุดหมาย
คำว่าคน มีสิทธิ์ ทุกหญิงชาย
กลับต้องกลาย หมดไป ในสายลม

ผิดเริ่มแรก แจกแต้ม จนหมดตัก
คนเริ่มทัก ไม่ใช่ นี้ยาขม
ออกต่อต้าน นี้มัน ดาบสองคม
แค่ให้สม ดั่งใจ ใครคนหนึ่ง

ผิดที่สอง ได้ที ขี่ควายไล่
มึงเป็นใคร กูจะไล่ ล้มให้ถึง
บ้านจะแตก เมืองจะขาด ไม่คำนึง
ขอเป็นหนึ่ง ชัยชนะ นั้นของฉัน

ผิดครั้งสาม ประชา มาแตกหัก
ไม่จงรัก สถาบัน อันใฝ่ฝัน
แผ่นดินนี้ ยิ่งร้อน ปานโลกัณฑ์
ชาติสิ้นพลัน สังคม สิ้นชีวี....


หน้อย เตวง ๑๐ ธ.ค. ๕๖  สบบง,ภูซาง


  


ล้านนา

หญิงจายจ๋าฟู่ฮู้       ล้านนา
ดังกลิ่นสิเน่หา        ดอกไม้
กำเมืองถิ่นเมืองฟ้า  ฮู้ฟู่ นันเนือง
จงหมั่นฮักษาไว้      คู่บ้านเมืองเฮาฯ

หน้อย เตวง ๙ ธ.ค. ๕๖ สบบง,ภูซาง
-------------------------------------------